หน้าแรก / ข่าวลิเวอร์พูล / [2 ก.ค. วันนี้..ของปีก่อน] 1 ปีของ "ตูเร่" กับสีเสื้อลิเวอร์พูล

[2 ก.ค. วันนี้..ของปีก่อน] 1 ปีของ "ตูเร่" กับสีเสื้อลิเวอร์พูล

[2 ก.ค. วันนี้..ของปีก่อน] 1 ปีของ ตูเร่ กับสีเสื้อลิเวอร์พูล

     ถ้าให้ถามคอบอลที่ติดตามพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาอย่างยาวนาน คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก โคโล่ ตูเร่ อย่างแน่นอน ด้วยความดุดันและความแข็งแกร่งในการเข้าบอลที่พร้อมไล่บี้กองหน้าฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่เกรงกลัว จากเกียรติประวัติที่ผ่านมา คงจะทำให้ใครหลาย ๆ คนชื่นชอบประการหลังจอมถึกรายนี้อยู่ไม่น้อย

     ณ วันนี้ ถือเป็นวันครบรอบที่เจ้าตัวเข้ามาร่วมชายคาถิ่น แอนฟิลด์ เป็นระยะเวลา 1 ปีแล้ว หลังย้ายจาก แมนเชสเตอร์ซิตี้ ข้ามถิ่นมายังแถบลุ่มแม่น้ำ เมอร์ซี่ย์ไซด์ เพื่อเป็นตัวตายตัวแทน เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลังระดับตำนานที่แขวนสตั๊ดไปตั้งแต่ปลายฤดูกาลก่อน ถึงแม้ โคโล่ ตูเร่ จะอายุอานามถึง 33 ปี และฟอร์มโดยรวมจะไม่แข็งแกร่งเหมือนเฉกเช่นในอดีต อย่างสมัยค้าแข้ง กับ อาร์เซนอล ก็ตาม แต่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยังคงเชื่อมั่นในประสบการณ์ของเขาว่าจะสามารถเข้ามาเติมเต็มในตำแหน่งที่ขาดหายได้แน่นอน

     โคโล่ ตูเร่ ใช้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในอังกฤษ ถึง 11 ปีนับตั้งแต่ค้าแข้งกับ อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ทุกบทบาทที่เขาเคยได้รับ ทุกสถานการณ์ที่ได้เจอะเจอ ทุกความกดดันที่ได้สัมผัส นั้นเป็นการหล่อหลอมให้ โคโล่ ตูเร่ ยิ่งแสดงตัวตนออกมาได้อย่างเด่นชัดโดยเฉพาะในยามลงเล่นและประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม สิ่งเหล่านั้นคงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจซักเท่าไหร่สำหรับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เพราะนั้นคือเหตุผลว่าทำไมต้องเป็น โคโล่ ตูเร่ มารับบทบาทแทนที่นักเตะคนสำคัญอย่าง เจมี่ คาร์ราเกอร์ อย่างที่เป็นอยู่

     หากเราย้อนเวลากลับไปสักช่วงเวลาหนึ่ง ผู้เล่นหนุ่มผิวสีได้ย้ายมาค้าแข้งในลีกที่หฤโหดอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยค่าตัวเพียง 150,000 ปอนด์ (ราว 7.5 ล้านบาท) เพื่อมาร่วมทัพ "เดอะ กันเนอร์ส" ในเดือน ก.พ. ปี 2002 โดยบทบาทหลักที่ได้รับมักต้องตกเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง และนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เขายิ่งต้องแสดงบางสิ่งเพื่อให้ผู้จัดการทีมได้เห็นว่าตัวเขานั้นมีค่ามากกว่าต้องมานั่งข้างสนาม จนในที่สุดเขาก็ทำให้ทุกคนบนโลกได้รู้จัก โดยเฉพาะ ฤดูกาล 2003-2004 ที่เจ้าตัวจับคู่กับ โซล แคมป์เบล์ ช่วยให้ต้นสังกัดเถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ด้วยสถิติไล่พ่ายถึง 49 นัดติดต่อกัน

     ถึงแม้การย้ายมาร่วมทัพ กับทีมมหาเศรษฐีอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2009 จะทำให้เขารับค่าเหนื่อยที่สูงขึ้นกว่ารับใช้ให้ อาร์เซนอล แต่บทบาทความสำคัญของเจ้าตัวกับค่อย ๆ ลดลงในแต่ละปี ถึงแม้ในช่วงแรกที่เริ่มค้าแข่งในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม เขาจะได้รับความไว้วางใจจาก มาร์ค ฮิวจส์ กุนซือสมัยนั้นให้เป็นกัปตันทีม แต่เพียงไม่นานเข้าก็ถูก โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือที่มารับไม้ต่อ ยึดปลอกแขนกัปตันเเละแต่งตั้งให้ คาร์ลอส เตเบซ ทำหน้าที่แทน จนในช่วงปีหลัง ๆ โคโล่ ตูเร่ คงเหลือบทบาทเป็นเพียงแค่ตัวสำรองบนเรือสำราญสีฟ้า อันเนื่องมาจากอายุที่มากขึนและทีมเสริมสตาร์ดังเป็นว่าเล่น และสิ่งนั้นได้ทำให้เขากลายเป็นส่วนเกินสำหรับสโมสร แมนเชสเตอร์ซิตี้ ไปโดยปริยาย

     แต่เส้นทางชีวิตค้าแข้งในเมืองผู้ดียังไม่จบลง เขาได้เริ่มความท้าทายใหม่อีกครั้งกับ ลิเวอร์พูล ที่สนใจคว้าตัวมาร่วมทีม ตลอดระยะเวลาที่เขาลงรับใช้ในถิ่น แอนฟิลด์ เจ้าตัวถือว่าทำผลงานได้ดีในระดับนึงในยามที่ได้รับโอกาส โดยเฉพาะเรื่องประสบการณ์สามารถถ่ายทอดให้นักเตะรุ่นน้องได้ดีทีเดียว ถึงแม้บางสถานการณ์เขามักจะก่อความผิดพลาดอยู่บ้างแต่ด้วยบทบาทที่คอยเป็นแบ็คอัพให้นักเตะตัวหลักเขาถือเป็นตัวเลือกที่สำคัญของทีมอยู่ไม่น้อย

ADS